ซื้อเต็นท์แบบไหนดี

ซื้อเต็นท์แบบไหนดี เรียนรู้เกี่ยวกับเต็นท์ 9 ประเภท คุณควรใช้เต็นท์แบบไหนเมื่อไปปีนเขา? ฉันควรเลือกประเภทใดหากไม่สามารถกางเต็นท์ได้เลย การรู้สิ่งนี้จะช่วยให้คุณนอนหลับสบายและสบายใจมากขึ้น ลมเริ่มหนาวแล้ว เลยอยากกางเต็นท์นอนบนภูเขาจริงๆ แต่จะเริ่มยังไงดีล่ะ? ในที่สุดก็มีเต็นท์กองเต็มบ้าน ทริปวอนไนวันนี้จะมาแนะนำเต็นท์ 9 แบบ วิธีการเลือกสิ่งที่ใช่สำหรับการเดินทางของคุณ? การรู้สิ่งนี้จะช่วยให้คุณนอนหลับสบายและสบายใจมากขึ้น

ซื้อเต็นท์แบบไหนดี เลือกยังไงให้เข้ากับทริป!

1.เต็นท์โดม (Dome Tent)

“เต็นท์โดม” ไม่ว่าจะเป็นนักเดินทางสายไหนก็ต้องมีติดบ้านไว้สักอัน เพราะมีน้ำหนักเบา กางง่าย ไม่ต้องใช้สมอบก ตัวพื้นเป็นรูปสี่เหลี่ยม ทำให้มีพื้นที่กว้าง นอนได้หลายคน แถมมีที่ให้วางของด้วย แถมข้างบนยังมีช่องระบายอากาศ บางรุ่นมาพร้อมกับฟลายชีทและกราวนด์ชีทสำหรับกันน้ำค้างและปูเป็นพื้นที่ใช้สอยด้านหน้าด้วย ซื้อเต็นท์แบบไหนดี

ข้อดี น้ำหนักเบา กางง่าย คนเดียวก็กางได้ ไม่ต้องมีสมอบก พื้นที่กว้าง ราคาถูก
ข้อเสีย มีไซส์ให้เลือกน้อย พื้นที่ด้านบนน้อย อาจอึดอัดได้
ราคาเริ่มต้น 800 บาท
หาซื้อได้ที่ Decathlon
นอนได้กี่คน 1-3 คน
เหมาะกับ นักเดินทางตั้งแต่มือใหม่ยันมืออาชีพ เที่ยวไหนก็ได้ เหนือจรดใต้ โอเคหมด

2.เต็นท์ป๊อปอัป (Pop-up Tent)

“เต็นท์ป๊อปอัป” เต็นท์สุดสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวสายชิลที่ไม่อยากเหนื่อยกับการกางเต็นท์ ต่อเสา ขึงผ้า ปักสมอบก เต็นท์ป๊อปอัปมาในรูปแบบกระเป๋า เพียงแค่รูดซิป ดึงออกมาจากกระเป๋า เต็นท์ก็จะเด้งดึ๋งกางให้เราโดยอัตโนมัติอย่างกับมีเวทย์มนต์ ส่วนเวลาพับเก็บก็ง่าย พับ ๆ ยัดใส่กระเป๋า รูดซิป แล้วไปต่อได้เลย กระเป๋าของเต็นท์ป๊อปอัปยังเล็กมาก ไม่กินที่กระเป๋าเราอีกด้วย

ข้อดี กางง่ายสุด ๆ แพ็คแล้วเล็กมาก ไม่กินที่กระเป๋า
ข้อเสีย ไม่แข็งแรง และไม่เหมาะกับการแคมป์นาน ๆ
หาซื้อได้ที่ Decathlon
ราคาเริ่มต้น 1,600 บาท
นอนได้กี่คน 1-6 คน แล้วแต่ขนาด
เหมาะกับ นักเดินทางมือใหม่ หัวใจยังไม่สู้วิชากางเต็นท์

3.เต็นท์สูบลม (Inflatable Tent)

นอกจากเต็นท์ป๊อปอัปแล้ว ยังมีเต็นท์น้องใหม่ล่าสุดที่ออกมาสำหรับนักท่องเที่ยวสายชิลอีก นั่นก็คือ “เต็นท์สูบลม” กางง่าย คนเดียวก็กางได้ แค่สูบลมเข้าไปให้เต็นท์พองตัวขึ้นก็เป็นอันสำเร็จ แต่สะดวกขนาดนี้ก็มาพร้อมข้อเสียที่หลาย ๆ คนอาจส่ายหน้า นั่นก็คือเต็นท์สูบลมมีน้ำหนักมาก และต้องพกที่สูบลมไปด้วย เราคิดว่าน่าจะเหมาะกับนักท่องเที่ยวที่มีรถ หรือมีลูกหาบ แบกเองเหนื่อยแย่เลย

ข้อดี กางง่าย คนเดียวก็กางได้ ไม่ต้องใช้เสา
ข้อเสีย มีน้ำหนักมาก มีแต่ไซส์เล็ก และต้องมีที่สูบลม
นอนได้กี่คน 1-2 คน
หาซื้อได้ที่ Decathlon
ราคาเริ่มต้น 8,000 บาท
เหมาะกับ นักเดินทางมือใหม่ หัวใจไม่สู้วิชากางเต็นท์ และมีรถไว้แบกเต็นท์และที่สูบลมไปด้วย

4.เต็นท์อุโมงค์ (Tunnel Tent)

อยากนอนสบายไม่อึดอัดก็ต้อง “เต็นท์อุโมงค์” เพราะมีพื้นที่ใช้สอยเยอะ นอนคนเดียวก็กลิ้งไปมาได้สบาย นอนกับครอบครัวหรือเพื่อน ๆ ก็ไม่เบียดกัน สัมภาระเยอะแค่ไหนก็ไม่หวั่น วางให้ทั่วเต็นท์ได้เลย แต่ความสะดวกสบายนี้ก็ต้องแลกกับความยากลำบากในการกางเต็นท์ ต้องให้หลายคนมาช่วยกันกาง กว่าจะกางเสร็จก็ได้เหงื่อกันบ้างละ

ข้อดี น้ำหนักเบา มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ มีโซนทางเข้าชัดเจน
ข้อเสีย กางยาก ต้องใช้หลายคนกาง ไม่ทนกับสภาพอากาศที่รุนแรง
นอนได้กี่คน 3-4 คน
หาซื้อได้ที่ Decathlon
ราคาเริ่มต้น 2,400 บาท
เหมาะกับ ทริปเที่ยวเบา ๆ อากาศดี ลมไม่แรง นอนเต็นท์ละ 2-3 คน

5.เต็นท์แบบเคบิน (Cabin Tent)

ไปเที่ยวแบบเป็นแก๊งหรือเป็นครอบครัว ก็ต้อง “เต็นท์แบบเคบิน” เพราะมีขนาดใหญ่ แข็งแรง กันแดดกันฝนได้ กว้างมากชนิดที่ว่านอนหลายคนก็ไหว ยิ่งเป็นไซส์ใหญ่มาก ๆ เขาจะแบ่งเป็นห้อง ๆ เหมือนบ้านเลยละ แต่ด้วยความกว้างขวางใหญ่โตนี้ ทำให้เต็นท์แบบเคบินมีน้ำหนักมาก เลยเหมาะกับคนที่มีรถขับไปเที่ยวเท่านั้นนะ

ข้อดี พื้นที่เยอะมาก ใหญ่ แข็งแรง
ข้อเสีย มีน้ำหนักมาก ใช้หลายคนในการกางเต็นท์
นอนได้กี่คน 4-12 คน แล้วแต่ขนาด
หาซื้อได้ที่ Camping
ราคาเริ่มต้น 9,900 บาท
เหมาะกับ คนที่ขับรถเที่ยวยาว ๆ ไปกันเป็นครอบครัวหรือแก๊งใหญ่ ๆ

6.เต็นท์แบบกึ่งถุงนอน (Bivy Sacks)

ชวนเพื่อนไปแคมป์แล้วไม่มีใครว่างเลย ไม่เป็นไร ไปคนเดียวก็ได้ “เต็นท์แบบกึ่งถุงนอน” เป็นเต็นท์สำหรับนอนคนเดียว ลักษณะคล้ายถุงนอน แต่มีพื้นที่รอบหัวให้ขยับไปมาและมองไปรอบ ๆ ได้ กันยุง กันแมลง เหมาะกับทริปนอนดูดาวแบบสุด ๆ

ข้อดี พกพาสะดวก นอนดูดาวได้สบาย ๆ ไม่หนาว เป็นส่วนตัว
ข้อเสีย นอนได้อย่างเดียว นั่งไม่ได้ เพราะเป็นกึ่งถุงนอน
นอนได้กี่คน 1 คน
หาซื้อได้ที่ 9deedee
ราคาเริ่มต้น 2,200 บาท
เหมาะกับ ทริปดูดาว คนที่เดินทางคนเดียว

7.เต็นท์สำหรับแบ็คแพ็ค (Backpacking Tent)

ไปเที่ยวแบบแบ็คแพ็คก็ต้องจำกัดน้ำหนักกระเป๋ากันหน่อย “เต็นท์สำหรับแบ็คแพ็ค” เลยถูกออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ หน้าตาอาจจะดูเหมือนเต็นท์ทั่วไป แต่เห็นแบบนี้น้ำหนักเบามาก ทั้งผ้าและเสา ใช้วัสดุน้ำหนักเบาหมดเลย ตัวเต็นท์ก็ถูกดีไซน์มาให้มีประโยชน์ใช้สอยสูงสุด กันลมได้ในระดับหนึ่ง เหมาะกับนักท่องเที่ยวสายแบ็คแพ็คเกอร์สุด ๆ

ข้อดี น้ำหนักเบามากทั้งผ้าและเสา ดีไซน์รองรับการแบ็คแพ็คโดยเฉพาะ
ข้อเสีย หลังคาเตี้ยและแคบ มีแต่ไซส์เล็ก ๆ
นอนได้กี่คน 1-2 คน
หาซื้อได้ที่ T-Evergreen
ราคาเริ่มต้น 1,300 บาท
เหมาะกับ นักเดินทางที่แบ็คแพ็คนาน ๆ ไกล ๆ นอนเต็นท์ละ 1-2 คน

8.เต็นท์กระโจม (Teepee Tent)

“เต็นท์กระโจม” มียอดแหลม ๆ คล้ายกระโจมของอินเดียนแดง ใช้เสาตรงกลางแค่เพียงต้นเดียวและใช้ผ้าเต็นท์คลุม ยึดปลายผ้าด้วยสมอบก กางง่าย แต่อาจจะต้องเอื้อมสูงนิดนึงด้วยรูปทรงของเต็นท์ประเภทนี้ มีพื้นที่ด้านบนเยอะ ไม่อึดอัด อากาศไม่ร้อน แถมถ่ายรูปออกมาน่ารักเหมือนอยู่ในปาร์ตี้ธีมอินเดียนแดง สาว ๆ น่าจะชอบนะ

ข้อดี หลังคาสูง ใช้เสาแค่อันเดียว กางง่าย น่ารัก
ข้อเสีย มีน้ำหนักมาก น้ำอาจเข้าได้เมื่อฝนตก
นอนได้กี่คน 1-2 คน
หาซื้อได้ที่ hadcampingshop
ราคาเริ่มต้น 4,500 บาท
เหมาะกับ ทริปเที่ยวที่อากาศดี ไม่มีฝน และนักเดินทางที่อยากได้รูปกับเต็นท์กระโจมน่ารัก ๆ

9.เต็นท์ทรงจีโอเดสิคโดม (Geodesic Tent)

“เต็นท์ทรงจีโอเดสิคโดม” เต็นท์ที่พัฒนามาจากเต็นท์โดม มีความแข็งแรงกว่ามาก เหมาะสำหรับนักเดินทางมือโปรที่กางเต็นท์มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนเพราะกางยากอยู่พอควร ใครที่ไปทริปต่างประเทศ ปีนเขา อากาศไม่ค่อยดี ลมแรง ต้องเต็นท์ทรงนี้เลย!

ข้อดี แข็งแรงมาก มีพื้นที่ด้านบนเยอะ ไม่อึดอัด
ข้อเสีย กางยาก แพ็คเก็บลำบากเพราะมีขนาดใหญ่ มีไซส์ให้เลือกไม่มาก
นอนได้กี่คน 1-2 คน
หาซื้อได้ที่ สั่งซื้อจากต่างประเทศ
ราคาเริ่มต้น 1,700 บาท
เหมาะกับ นักเดินทางมือโปร กางเต็นท์มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ออกทริปปีนเขา ฝนตก ลมแรง

บทความแนะนำ